6. สมาธิแนวศาสนาซิก (Sikhism)

เป็นการสร้างสมาิธิโดยทำให้ชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ มี 3 วิธีการของกฎแห่งซิก

ข้อแรก คือการให้ตื่นนอนก่อนที่อรุณจะเบิกฟ้า ชำระล้างร่างกายตัวเองให้สะอาดหมดจด แล้วทำสมาธิการสวดมนต์อ้อนวอนพระผู้เป็นเจ้า ทุกลมหายใจเข้าและออกให้ระลึกถึงพระเจ้าอยู่ตลอด ทำสมาธิแบบนี้จะเป็นการชำระจิตใจให้กลายเป็นใสสะอาดมีความสุข จิตใจผ่องใสแจ่มใส วิธีแบบนี้เรียกว่า นั่ม ยะปะ (Nam Japa)

ข้อ 2 การทำงานอย่างสัตย์ซื่อมีเกียรติ คำนึงถึงความยุติธรรม ด้วยแรงหยาดเหงื่อของตัวเองเพื่อตัวเองและ ครอบครัว อย่างถูกต้อง วิธีนี้เรียกว่า ทารัม ดิ รัททานิ  (Dharam di Kirat Karni)


ข้อ 3 การให้ทาน แบ่งปัน ข้าวปลาอาหาร สิ่งต่างๆ อย่างมีเหตุผลเพื่อศาสนาและชุมชน อยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข วิธีนี้เรียกว่า มัน เคส ชา ยนะ (Van Ke Chakna)

5. สมาธิแนวศาสนาอิสลาม (Islam)

ศาสนาอิสลามมีการเข้าถึงสมาธิอยู่2 รูปแบบ

รูปแบบแรก คือสมาธิที่ำทำให้เกิดการเพิ่มพูนปัญญาขึ้น ทำให้เกิดการเจริญของปัญญาไปสู่ระดับสูงได้ ด้วยการให้พระเจ้าดลบันดาลให้เกิดการปลุกจิตสำนึก แล้วปลดปล่อยดวงวิญญาณของมนุษย์สู่เสรี การฝึกแบบนี้จะช่วยทำให้บุคลิกภาพภายใน ได้เกิดการพัฒนาทางด้านจิต และเข้าถึงพระเจ้าได้ เป็นสมาธิที่เรียกว่าTafakur

รูปแบบที่สอง จะเป็นการปฎิบัติสมาธิเป็นแบบ muraqaba เป็นแบบสวดมนต์อ้อนวอนพระเจ้า ในขณะที่พระเจ้ามีชีวิตอยู่ แต่ได้กลายเป็นเรื่องถกเถียงกันในชาวกลุ่มมุสลิม เกี่ยวกับความเชื่อเหล่านี้

4. สมาธิแนวศาสนาฮินดู

การทำสมาธิในแบบของศาสนาฮินดู จะมุ่งไปทาง ทำจิตใจให้สงบ ลดความร้อนลุ่มในจิตใจและลดความทุกข์ทรมาน หากปฎิบัติถึงขั้นลงไปส่วนลึกของจิต จะทำให้จิตและกายสงบรวมเป็นหนึ่ง ถือเป็นวิธีที่ทำให้จิตสงบได้แท้จริง

ตามความเชื่อของฮินดูนั้น มีความเชื่อในเรื่องของการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ที่เกิดเป็นวัฎจักรแห่งการเวียนว่าย
และ วีดานตา คือ โยคะที่เป็นสมาธิรูปแบบหนึ่งของฮินดู ที่ทำให้จิตนิ่ง ไม่ทำให้อารมณ์ต่างๆกวัดแกว่งไปมาเข้าออกง่าย ที่มีความเปลี่ยนแปลงอยู่โดยตลอด

แต่การฝึกสมาธิของฮินดูมี 7 วิธี (จักระทั้ง7 ) โดยเน้นแสงและเสียงในการทำสมาธิ

3. สมาธิแนวศาสนายิว (Judaism)

3. สมาธิแนวศาสนายิว (Judaism)  สมาธิทางศาสนายิว จะเน้นไปทางความสุขทางกาย ซึ่งไม่ใช่การจบสิ้นแห่งการเวียนว่ายอย่างนิพพานตามหลักของศาสนาพุทธ เน้นการเริ่มต้นของสรรพสิ่งต่างๆ
โดยมีจุดประสงค์ของการทำสมาธิ เพื่อให้เกิด การระลึกรู้ต่อความสุข การเฝ้าระวังกับความสุข ทำให้เกิดความเลื่อมใสต่อศาสนาตน
การ ทำสมาธิของนิกายคับบาล่ากับฮัสสิดิก(Kabbarah and Hassidic Judaism)จะเรียกกันว่า ฮิทโบนนัท (Hitbonenut) มีการกล่าวถึงการทำสมาธิในกลุ่มชาวยิวว่า สมาธิ คือการให้อาหารแก่ร่างกาย ในทางจิตวิญญาณ แล้วการทำสมาธิของยิวก็เป็นทางหนึ่งที่จะทำให้จิตใจบริสุทธิ์ เกิดปัญญาที่บริสุทธิ์ เกิดความสุขและทางอารมณ์ของผู้ปฏิบัติทางนี้

2. สมาธิแนวคริสต์ศาสนา (Christianity)

2. สมาธิแนวคริสต์ศาสนา (Christianity) พิธีการปฏิบัติกันมาของ ผุ้นับถือคริสต์ มีหลายรูปแบบที่ถือว่าเป็นการฝึกสมาธิ
อย่างเช่นสวดมนต์ในโบสถ์ คนที่สวดมนต์รหรือนับลูกประคำในนิกายคาทอลิก หรืออย่าง การสวดมนต์เงียบๆอย่างนิกายออโธดอกซ์
ถ้า ลองมาเทียบกับสมาธิสายตะวันออก มีความคล้ายกันในบางเรื่อง ที่เน้นการใช้จิตเพ่งให้แน่วแน่ เพียงสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เอาจิตจดจ่ออยู่กับการสวดมนต์ ภาวนา ให้บังเกิดสมาธิขึ้น.

สัมนาวิชาการที่เมืองทองธานี วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคมนี้ (วันนี้)

งานสัมนาวิชาการ หัวข้อเรื่อง สมาธิ ผลงานของพระสงฆ์ไทยในสังคมโลก
จัดขึ้นโดย หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร เจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล ผู้ก่อตั้งสถาบันพลังจิตตานุภาพทั้งในและต่างประเทศ 


                                      จัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ.2554

                              ณ ห้องแกรนไดมอนด์, ศูนย์ประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี


รายละเอียดเพิ่มเติม>>> www.samathi.com

สมาธิมี 9 รูปแบบ

สิ่งที่นำมาลงนี้นำมาจากการวิเคราะห์และศึกษาจากนักปราชญ์ตะวันตกท่านหนึ่งที่ชื่อว่า มาคัซ อาเวลเรียส(MARCUS AURELIUSXได้ศึกษาจากศาสนา ลัทธิ โดยได้แบ่งวิธีปฎิบัติสมาธิออกเป็น9ชนิดด้วยกัน

1. สมาธิแนวพุทธศาสนา(Buddhism) โดยได้แบ่งออกเป็น สมาธิธรรมชาติและสมาธิ วิปัสสนา(สมาธิที่สร้างเกิดจากความตั้งใจในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ทำให้เกิดสมาธิขี้น ดังนั้นทั้งสองแบบนี้มีความจำเป็นต่อการตรัสรู้  ในทางเถรวาทจะมุ่งไปทางอาณาปานสติและวิปัสสนาสมาธิ  พุทธสายจีนแบบเซนของจีนก็เป็นการรวมเอาทางลัทธิเซนญี่ปุ่นกับของเกาหลีเข้าร่วมกัน ประเทศญี่ปุ่นก็เป็นแบบฝึกตามสายเทนไดแนวญี่ปุ่น
นอกจากนั้นส่วนพุทธแบบธิเบต จะมุ่งไปทางแบบวชิระญานซึ่งเป็นการฝึกแบบสวดมนต์กลุ่มหรือหมู่ ทำให้บังเกิดสมาธิขึ้นทางชั้นสูง.

พรุ่งนี้จะมาต่อนะครับ>>>